การซื้อรถยนต์สำหรับผู้ได้รับเอกสิทธิ์

1. หน้าหลัก
2. พิธีการนำเข้า
3. เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพิธีการนำเข้า

การซื้อรถนำเข้าจากนักการทูตต่างประเทศและพนักงานองค์การระหว่างประเทศที่นำเข้าต่ำกว่า 5 ปี ผู้ขายต้องเป็นผู้ชำระภาษี มิฉะนั้น จะไม่สามารถจดทะเบียนรถยนต์ได้ จนกว่าจะชำระภาษีขาเข้า

ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับรถยนต์ที่นำเข้าโดยยกเว้นอากรศุลกากร
กระทรวงการต่างประเทศ มีหน้าที่ในการกำกับดูแลการขอนำเข้ารถยนต์โดยยกเว้นอากรศุลกากรของสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล และองค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนควบคุมการจดทะเบียนและกำหนดเลขทะเบียนรถยนต์ รวมทั้งการจำหน่ายจ่ายโอนทะเบียนรถยนต์ของสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล และองค์การระหว่างประเทศ และรถยนต์ของเจ้าหน้าที่การทูต เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการ และฝ่ายวิชาการของสถานเอกอัครราชทูต เจ้าพนักงานกงสุล และพนักงานองค์การระหว่างประเทศให้อยู่ในหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามระเบียบของกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วย รถยนต์สำหรับผู้ได้รับเอกสิทธิ์ พ.ศ. 2532 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522

กรณีการจำหน่ายจ่ายโอน

1. การโอนระหว่างผู้มีเอกสิทธิ์ฯ ด้วยกัน
กรณีการขาย/โอน เพื่อซื้อรถยนต์คันใหม่แทนรถยนต์คันเดิม ตามข้อ 7 ของระเบียบกระทรวงการต่างประเทศฯ กำหนดให้ผู้ขาย/โอน ครอบครองรถยนต์คันเก่าไม่น้อยกว่า 2 ปีนับจากวันจดทะเบียนรถยนต์ และสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีการชำระภาษีอากรรถยนต์ หากเป็นการขอขาย/โอนระหว่างผู้มีเอกสิทธิ์ฯ ด้วยกัน
2. การโอน/ขายรถยนต์ให้บุคคลที่ไม่มีเอกสิทธิ์ฯ
• กรณีรถยนต์ (ไม่รวมถึงรถจักรยานยนต์) ที่นำเข้าประเทศไทยเกิน 5 ปีนับแต่วันนำเข้าจะขายได้โดยปลอดอากรศุลกากรตามประกาศกระทรวงการคลัง ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2544
• กรณีรถยนต์ที่นำเข้าประเทศไทยไม่ถึง 5 ปี รถยนต์คันดังกล่าวจะมีภาระภาษี ซึ่งกรมศุลกากรก็จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อการละเมิดภาษีดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือองค์การระหว่างประเทศ จะต้องดำเนินการชำระภาษีอากรรถยนต์ให้เรียบร้อย มิฉะนั้นจะไม่สามารถดำเนินเรื่องขอโอนรถยนต์ให้ผู้ซื้อได้ ซึ่งตามกฎหมายไทยผู้นำเข้าคือ สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือองค์การระหว่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่ผู้มีเอกสิทธิ์ก็จะต้องเป็นผู้ชำระภาษี แม้ว่าจะมีการขายยานพาหนะให้ผู้อื่นในภายหลังและหากไม่มีการชำระภาษีก็จะถือว่า รถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่นำเข้าโดยผิดกฎหมาย